นครเปตราได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1985 และองค์กรยูเนสโกถึงกับให้นิยามว่าเป็น “หนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ” แม้จะไม่ทราบระยะเวลาแน่ชัดของการก่อสร้าง แต่คาดกันว่านครเปตราทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรนาบาเทียนจนกระทั่งถูกยึดครองโดยพวกโรมัน ทั้งนี้ นครเปตรายังไม่เป็นที่รู้จักของชาวโลก จนกระทั่งนักสำรวจชาวสวิส โยฮัน ลุดวิก ค้นพบมันในปี 1812 ซึ่งนครหินแกะสลักดังกล่าวมีโรงละครที่จุดคนได้มากถึง 4 พันคน นอกจากนี้ ยังมีอุโมงค์และระบบท่อระบายน้ำอันยอดเยี่ยม รวมไปจนถึงมีซากปรักหักพังอันวิจิตรของอัลคัซนีย์ (Al Khazneh) หรือเดอะเทรเชอรี่
มาชู ปิกชู - Machu Picchu ( ประเทศเปรู )
ชื่อ “มาชู ปิกชู” มีความหมายว่า “ภูเขาโบราณ” โดยเมืองของชาวอินคาแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 ฟุต และล้อมรอบด้วยป่าเขียวชอุ่ม ได้รับการก่อสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอินคา ก่อนจะถูกทิ้งร้างในอีกไม่ถึงศตวรรษต่อมาหลังจากความพ่ายแพ้ต่อสเปน การค้นพบโดยนักประวัติศาสตร์ ไฮแรม บิงแฮม ในปี 1911 ได้ทำให้สิ่งมหัศจรรย์แห่งนี้เป็นที่รู้จักของชาวโลก มาชูปิกชูตั้งอยู่ห่างจากคูซโค 80 กิโลเมตรและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในเปรู โดยองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1983 ภายในเมืองโบราณนี้มีทั้งพระราชวัง วิหาร หอดูดาว และโบสถ์ ซึ่งหลายแห่งได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดี
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ - Christ the Redeemer ( ประเทศบราซิล )
รูปปั้นพระเยซูหนักกว่า 600 ตันนี้ตั้งสูงตระหง่านสูง 38 ฟุตอยู่บนยอดเขาคาร์โควาโดเหนือเมืองริโอ เด จาเนโร โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของประติมากรชาวฝรั่งเศส พอล ลันดอฟสกี้ กับวิศวกรชาวบราซิล ไฮตอร์ ดา ซิลวา คอสต้า ใช้เวลาในการสร้างถึง 5 ปีและเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1931 นอกจากนี้ บนยอดเขายังมีการสร้างห้องสวดมนต์ไว้เป็นที่ระลึกฉลองครบรอบ 75 ปีของรูปปั้นอีกด้วย
กำแพงเมืองจีน - The Great Wall of China ( ประเทศจีน )
กำแพงเมืองจีนได้รับการก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันภัยจากการรุกรานของชนเผ่าทางภาคเหนือ โดยแรกเริ่มเดิมทีในสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น เป็นเพียงกำแพงขนาดย่อมหลายๆ อันซึ่งเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน จากนั้น ได้มีการสร้างเพิ่มเติมให้ยาวยิ่งขึ้นในศตวรรษที่ 5 เรื่อยมาจนเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 16 ในสมัยราชวงศ์หมิง ปัจจุบัน มีความยาวถึง 6,400 กิโลเมตร โดยทอดตัวจากซันไห่กวน ทางตะวันออก ไปสุดที่เจียยู่กวน ทางตะวันตก และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1987
สนามกีฬาโคลอสเซียม - The Colosseum ( ประเทศอิตาลี )
แต่เดิม สัญลักษณ์ของกรุงโรมแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า “ฟลาเวียน แอมพิเธียเตอร์” ตามนามสกุลของจักรพรรดิผู้ให้การสนับสนุนการก่อสร้าง โดยนับเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างขึ้นมาในสมัยอาณาจักรโรมัน ครั้นเมื่อเสร็จสมบูรณ์ โคลอสเซี่ยมได้ถูกใช้จัดการแข่งขันกลาดิเอเตอร์ การประหาร และการแสดงละครเกี่ยวกับทวยเทพเพื่อมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ชม ปัจจุบัน สนามกีฬาโคลอสเซียมได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยโคลอสเซียมจะส่องสว่างด้วยสีเหลืองทุกครั้งที่มีการกลับคำตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะที่ใดในโลก
พีระมิดที่ชีเชนอิตซา - The Pyramid at Chichen Itza ( ประเทศเม็กซิโก )
ชีเชนอิตซามีทำเลอยู่บนคาบสมุทรยุกาตังและเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของเผ่ามายา ซึ่งพีระมิดน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชาวมายาได้สร้างขึ้น ตั้งอยู่ห่างจากเมืองแคนคูนมาทางใต้โดยใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง โดยเชื่อกันว่าสาเหตุที่พวกเขาสร้างพีระมิดมาจากความสนใจในด้านดาราศาสตร์และปฏิทิน ดังจะเห็นได้จากการที่ทั้ง 4 ด้านของพีระมิดประกอบไปด้วยขั้นบันได 91 ขั้น และเมื่อรวมกับขั้นบนสุด ก็จะทำให้ตัวเลขรวมทั้งหมดเป็น 365 ซึ่งเท่ากับจำนวนวันในหนึ่งปี
ทัชมาฮาล - Taj Mahal ( ประเทศอินเดีย )
ทัชมาฮาลได้รับการสร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงกายของชาย 20,000 คนและใช้เวลาก่อสร้างถึง 20 ปี ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างชั้นเลิศของสถาปัตยกรรมมุฆัลในอินเดีย ตั้งอยู่ในเมืองอัครา โดยเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ทรงรับสั่งให้เนรมิตขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์รักมากที่สุด ทัชมาฮาลมีความสมมาตรในทุกด้าน สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนฝังด้วยอัญมณีเพชรพลอยที่แตกต่างกัน 28 แบบ ในช่วงที่ทัชมาฮาลสร้างเสร็จสมบูรณ์ กษัตริย์ชาห์ จาฮัน ได้ถูกจองจำอยู่ที่คุกอักราโดยบุตรชาย และหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ก็ได้มีการนำพระศพมาฝังไว้เคียงข้างพระมเหสี
ที่มา http://www.friendtravelthai.com/story_7wonders.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น